วัดจันทร์ประดิษฐาราม (วัดบางเดือน) ตำบลบางเดือน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กราบลาท่านพระครูวิสาท หรือหลวงพ่อว่อน กลับวัดน้ำรอบพร้อมด้วยวิชาอาคมความรู้ที่อัดแน่นเต็มหัวใจ หลวงพ่อกระจ่างวันนี้กับหลวงพ่อกระจ่างเมื่อสองปีก่อนห่างกันไกลนัก จิตที่ทรงพลังเข้มแข็งขึ้นด้วยพลัง อุดธัง อัดโธฯ อาคมคงกระพันชาตรีที่ไ้ด้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อว่อน ทำให้ท่านมีความมั่นคงและความมั่นใจตนเองยิ่งขึ้น ก็มาได้ข่าวว่า หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน ท่านมีวิชาอาคมด้านเมตตามหานิยมเป็นเลิศ สมัยนั้นหลวงพ่อจ่างท่านห้าวหาญมาก คำพูดคำจาไม่กริ่งเกรงผู้หนึ่งผู้ใด ยิ่งได้ชิชาดีทางด้านคงกระพันชาตรีเยี่ยมยอดอย่างนี้ยิ่งห้าวหาญหนักเข้าไปใหญ่ คนที่รู้ประวัติเดิมหลวงพ่อกระจ่าง ก่อนจะมาบวชเป็นพระ เสือร้ายดีๆ นี่เอง มุทะลุ ดุดัน ไม่เป็นสองรองใคร เรื่องยอมคนสำหรับหลวงพ่อจ่างยาก มาได้หลวงพ่อพัวเป็นครูอาจารย์ ท่านก็อบรมว่า เราอยู่ อย่าให้คนเขาเกลียด ให้รัก สิ่งสำคัญมันอยู่ที่กริยามารยาท อยู่ที่วาจา ภายนอกให้ดีอย่างไรข้างในก็ให้เป็นไปตามนั้น หลวงพ่อพัวให้ท่านเริ่มต้นกับวิชาเมตตามหานิยม ชนิดที่คนทั่วไปได้ยินแล้วต้องคิดว่าง่ายแสนง่าย แต่กับหลวงพ่อกระจ่างวิชานี้ไม่ง่ายเลย คาถาอาคมบทแรกที่หลวงพ่อพวให้หลวงพ่อกระจ่าง ทำให้แตกฉานให้สำเร็จเป็นเมตตามหานิยมสุดยอดขึ้นมาให้ได้ก็คือ นะ เมตตา โม กรุณา พุท ปราณี ธา ยินดี ยะ เอ็นดู เพียงแค่นี้ แต่ทว่าหลวงพ่อกระจ่างต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากที่จะทำให้นะเมตตา ปรากฎเป็นมหานิยมได้
สมัยก่อนครูบาอาจารย์ท่านจะใช้คาถาบทนี้อักขระ 5 ตัว หรือพระเจ้า 5 พระองค์ ด้วยการตื่นแต่เช้าลงไปยืนข้างๆ ต้นไม่ริมรั้ว ที่มียอดฟักทองเลื้อยเกาะ แล้วท่านจะยื่นแขนออกไปให้ห่างจากยอดฟักทองเล็กน้อย แล้วท่านจะหลับตาภาวนาคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ บทนี้ไปเรื่อยๆ จิตของท่านจะพุ่งจับอยู่ที่ยอดฟักทอง แล้วดึงจิตกลับมาที่แขนของท่านให้พุ่งเข้าไปอยู่กลางใจของท่าน จนทำให้ยอดฟักทองเลื้อยออกมาพันแขน ท่านก็จะตัดเอายอดฟักทองมาผสมทำผงพระ เป็นมวลสารสุดยอดมหานิยมที่หาได้ยากที่สุด หลวงพ่อกระจ่างฝึกฝนด้วยคาถาบทนี้จนเกิดพลังจิตอันยิ่งใหญ่ เป็นพลังจิตที่ขาวสะอาดผิดแปลกแตกต่างไปจากความมุทะลุดุดันที่มีมาแต่เก่าก่อนโดยสิ้นเชิง ระยะนี้เองที่หลวงพ่อมีราศีเจิดจ้า ใครเห็นใครรัก เมตตามหานิยมนี้บังเกิดอยู่อย่างพอเพียง พลังเมตตาท่วมท้นหัวใจท่าน จะกล่าวคำหนึ่งคำใดกับผู้ใดก็มีแต่ความเมตตากรุณา คำพูดคำจาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงโดยมิได้ปั้นแต่ง สมกับที่หลวงพ่อพัวสอนว่า สิ่งสำคัญมันอยู่ที่กริยามารยาท วาจา ภายนอกเป็นอย่างไร ข้างในก็ให้เป็นไปตามนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น